post

“ลีลาศ” กีฬาอาจไม่ฮิตเท่าบอลแต่กลุ่มคนที่รักก็เหนียวแน่น

กีฬาลีลาศ อาจจะเรียกได้อีกอย่างว่าเป็นกีฬาเต้นรำ แม้จะไม่ได้ฮิตเหมือนกีฬาระดับโลกหลายชนิด ๆ แต่ก็นับว่ามีคนกลุ่มหนึ่งในประเทศไทยที่หลงใหลชื่นชอบ ซึ่งคนกลุ่มนี้ก็รักอย่างเหนียว และสามารถสร้างแรงบันดาลใจให้กับคนรุ่นใหม่ ๆ เข้ามาสู่การกีฬาชนิดนี้ได้เหมือนกัน ด้วยลีลาท้าวงท่าที่เยื้องกรายไปของคู่เต้นทำให้เกิดภาพศิลป์อันงดงามอีกหนึ่งรูปแบบ ซึ่งลีลาศนั้นจริง ๆ แล้วไม่ได้เป็นเพียงเรื่องของการเต้นรำไปตามจังหวะเพลง ให้เกิดความสนุกสนานและเกิดความงดงามเท่านั้น แต่ลีลาศได้แฝงคุณประโยชน์ไว้ในศิลปะการเต้นมากมายทีเดียว

ลีลาศการออกกำลังกายที่ได้เรื่องของกิจกรรมสังคมควบคู่

การเต้นรำแบบลีลาศใครคิดว่าไม่เหนื่อย นั่นแสดงว่าคุณยังไม่เคยทดลองเล่นลีลาศเลยสักครั้งแน่ ๆ สำหรับใครที่เคยลองและมีประสบการณ์มาแล้ว ทุกคนคงจะรู้ดีเลยว่าการเต้นรำแบบลีลาศเหนื่อยเอาการทีเดียว ใช้ร่างกายเยอะมากกว่าจะเต้นจนจบเพลงได้ ดังนั้น ลีลาศจึงเป็นหนึ่งกลวิธีการออกกำลังกายในแบบที่ทำให้เพลิดเพลินไปในตัว เป็นอีกหนึ่งวิธีในการสร้างเสริมสุขภาพ และในขณะเดียวกันทุกลีลาท่วงท่าที่ก้าวไปหรือเต้นไปตามจังหวะนั้น จะเป็นการจัดการวางบุคลิกลักษณะร่างกายไปในตัว นั่นจึงเท่ากับว่าเป็นการช่วยเสริมสร้างบุคลิกและการจัดจัดระเบียบรูปร่างให้ดูสง่าไปในตัวอีกด้วย

อีกจุดหนึ่งที่สำคัญไม่น้อยก็คือ อย่างที่ทราบกันกีฬาลีลาศนั้นมีจุดเริ่มต้นที่งานหรือกิจกรรมสังคม นับเป็นกิจกรรมที่ทำให้เกิดความสนุกสนานเพลิดเพลินเวลาออกงานสังคมได้ และยังสร้างความโดดเด่นในช่วงเวลาดังกล่าวได้ด้วย ดังนั้น ใครที่เต้นลีลาศเป็นก็จะทำให้เกิดความมั่นใจในตัวเองบางขึ้นเวลาออกงานสังคมต่าง ๆ เป็นประโยชน์อีกทางหนึ่งที่คนส่วนใหญ่อาจมองข้ามไป

อดีตอันขมขื่นของกีฬาลีลาศ

ในวันนี้กีฬาลีลาศเป็นที่ยอมรับกันในระดับประเทศและระดับโลกแล้ว มีนักกีฬาของไทยเราก้าวเข้าไปสู่ระดับเอเชียแล้วก็มี แต่กว่ากีฬาลีลาศของไทยจะก้าวเข้ามาสู่ระดับความนิยมที่มีนักกีฬาที่สร้างชื่อเสียงให้กับประเทศได้ ก็ต้องมีดราม่าฟันฝ่าอุปสรรคมาอย่างมากมาย เพราะในจุดเริ่มแรกก่อนที่จะมีการผลักดันให้ไทยเรามีองค์กรเกี่ยวกับกีฬาลีลาศ ก็ถูกตั้งแง่จากสังคมในหลายด้านว่า กีฬานี้เป็นงานกิจกรรมสังคมที่ไม่เป็นสาระ เป็นวัฒนธรรมของตะวันตกที่เรารับเขาเข้ามา ไม่เหมาะที่จะสนับสนุนเป็นกีฬา เพราะคิดว่าคงไม่มีนักกีฬารุ่นใหม่ ๆ ที่จะเข้ามาเล่นหรือเข้ามาฝึกซ้อมให้ความสนใจ จนเริ่มมีการถกเถียงและผลักดัน ให้มีการจัดประเภทว่าลีลาศเป็นลักษณะของกิจกรรมนาฏศิลป์สากลและลองให้มีการนำไปเปิดสอนเป็นหลักสูตรในสถานศึกษา ซึ่งปรากฏว่าคนรุ่นใหม่กลับชื่นชอบและหลงใหลในกีฬาชนิดนี้ไม่น้อย นั่นจึงทำให้หลายฝ่ายมองว่าควรมีการผลักดันให้ไปสู่การเป็นกีฬาสากลกันเสียที นั่นจึงทำให้เรามีนักกีฬาลีลาศชาวไทยออกไปแข่งขันในระดับประเทศอย่างที่เราเห็นในปัจจุบันนั่นเอง

หากจะนับจำนวนนักกีฬาหรือผู้เล่นกีฬาลีลาศในเมืองไทย แน่นอนว่าคงมีจำนวนที่น้อยกว่าฟุตบอล บาสเกตบอล มวย หรือกีฬาอื่น ๆ อีกมาก แต่กีฬาชนิดนี้ก็ไม่ได้ด้อยในเรื่องความนิยมแต่อย่างใด เพราะคนที่หลงใหลและให้ความสำคัญกับกีฬานี้มีความเหนียวแน่นมาก คือ อายุในวงการยาวนานกว่ากีฬาอื่นมาก เพราะแม้จะไม่เป็นนักกีฬาแล้ว พวกเขาก็ยังคงสนับสนุนและอยู่เบื้องหลังวงการนี้เรื่อยมา ซึ่งแตกต่างจากกีฬาชนิด ๆ อื่น ๆ มากเลยทีเดียว

post

ใครสนใจอยากลองเล่นกีฬาลีลาศ ลองมาทำความรู้จักกับขอบเขตพื้นฐานกัน

ในปัจจุบันเราได้ทราบกันแล้วว่าลีลาศถือเป็นกีฬาสากลประเภทหนึ่ง ซึ่งมีการจัดแข่งขันในระดับนานาชาติมาเนิ่นนานหลายปีแล้ว ซึ่งในประเทศไทยเราเองก็มีคนกลุ่มหนึ่งให้ความสนใจ และมีเยาวชนรุ่นใหม่ให้ความสนใจมาฝึกซ้อมและเป็นนักกีฬาลงแข่งขันในนามประเทศไทยด้วยเช่นกัน ถ้าคุณสนใจหรือต้องการส่งเสริมให้ลูกหลานเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งในกีฬาสากลนี้ เพื่อเสริมบุคลิกภาพรวมถึงปลูกฝังให้เยาวชนมีจิตใจเป็นนักกีฬา สิ่งที่ต้องทำอย่างแรกเลยก็คือ ต้องรู้จักขอบเขตหรือกฎกติกาพื้นฐานของการเล่นลีลาศกันก่อนว่า เขาแข่งขันกันอย่างไรบ้าง ไปเริ่มต้นกันเลย

ลีลาศประเภทบอลรูม

กีฬาลีลาศในระดับสากลนั้นได้มีการกำหนดมาตรฐานประเภทของการเล่นกีฬาลีลาศไว้ 2 ประเภท ประเภทแรกก็คือ Ballroom Dancing หรือลีลาศแบบบอลรูม การแข่งลีลาศประเภทนี้ จะเป็นการแข่งขันเต้นรำกับเพลงที่มีจังหวะออกแนวนุ่มนวลสุภาพสวยงาม ซึ่งบทเพลง จังหวะของดนตรีและลีลาของการเต้นรำนั้นจะเน้นไปที่ความสวยงามและความสง่างามของท่าทาง ผู้แข่งขันจะต้องโชว์ท่วงท่าที่ดูสง่า ผึ่งผายหรือสะท้อนความมีบุคลิกภาพที่ดีออกมา การเต้นรำในประเภทนี้ จะนิยมการลากเท้าเลียดไปพื้น ไม่ใช้การก้าวย่ำ เดิมทีแล้ว การเต้นรำในลักษณะนี้จะเป็นวัฒนธรรมของชางอังกฤษ หลายคนจึงมักเรียกประเภทบอลรูมนี้ว่า ลีลาศสไตล์อังกฤษ ซึ่งการแข่งมักจะใช้จังหวะดนตรีมาตรฐานอยู่ 5 จังหวะดังนี้

  1. จังหวะ Waltz
  2. จังหวะ Quick Waltz หรือ Viennese Waltz
  3. จังหวะ Tango
  4. จังหวะ Foxtrot
  5. จังหวะ Quick Step

ลีลาศประเภทลาตินอเมริกา

ลีลาศประเภทต่อมาที่ได้รับการรับรองและจัดว่าเป็นมาตรฐานของการแข่งขันลีลาศอีกประเภทก็คือ Latin American Dancing หรือลีลาศแบบลาตินอเมริกา ซึ่งประเภทนี้จะเป็นการแข่งขันเต้นในรูปแบบจังหวะสไตล์ลาตินที่ เน้นเรื่องของความเร็ว ความคล่องแคล่วของร่างกาย ซึ่งประเภทนี้จะใช้ร่างกายเยอะมากจะต้องเคลื่อนไหวหลายส่วน ตั้งแต่ส่วนคอ ไหล่ ไล่ไปยังสะโพก เข่า ข้อเท้า และเท้าที่จะต้องก้าวอย่างรวดเร็วและมั่นคง ซึ่งแบบนี้การก้าวเท้าในการเต้นจะเน้นในเรื่องการยกเท้าหรือยกเข่ามากขึ้น ซึ่งจังหวะที่ใช้ในการแข่งขันนั้นจะมีมากถึง 12 จังหวะดนตรี เช่น  Rock and Roll, Cha Cha Cha, Rumba, Beguine, Samba, Off – beat เป็นต้น นอกจากจังหวะดังที่กล่าวมานี้แล้ว ในปัจจุบันก็มีจังหวะเต้นรำใหม่ ๆ เกิดขึ้นมากมาย ตามแนวทางการพัฒนาดนตรีตามยุคสมัยนิยม แต่แนวจังหวะดนตรีใหม่ ๆ ที่เกิดขึ้นนี้ ยังไม่จัดว่าเป็นจังหวะของการลีลาศ เพราะยังได้รับความนิยมกันเฉพาะกลุ่มเท่านั้น ยังไม่เป็นสากลทั่วไป จึงยังไม่นับว่าเป็นการเต้นแบบลีลาศ

นี่คือขอบเขตพื้นฐานของการเต้นหรือการแข่งขันลีลาศในปัจจุบัน ที่จะแบ่งการแข่งและมาตรฐานการเล่นออกเป็น 2 ประเภท ซึ่งสำหรับคนที่สนใจหรือต้องการให้เยาวชนมาลองเล่นดีก็ควรรู้จักในจุดนี้เพื่อส่งเสริมเยาวชนให้ไปเล่นได้ถูกประเภท อันจะช่วยให้นักกีฬามีแนวทางและทิศทางที่ถูกต้องมากขึ้นในการฝึกหัดนั่นเอง

post

ใครว่าลีลาศเป็นกีฬานอกกระแส แท้จริงกับเป็นกีฬาของชนชั้นนำที่มีประวัติศาสตร์ยาวนาน

สำหรับกีฬาลีลาศแล้ว แน่นอนว่าอาจจะเทียบความนิยมกับกีฬาฟุตบอล มวย เทนนิส หรือวอลเลย์บอลไม่ได้เลย แต่ประวัติศาสตร์ความเป็นมาของกีฬาลีลาศนั้นก็ไม่ได้ด้อยกว่าหลายชนิดกีฬาที่มีในประเทศไทยเลย และดีไม่ดีน่าจะมีความสำคัญมากกว่ากีฬายอดฮิตอย่างฟุตบอลเลยด้วยซ้ำไป แล้วลีลาศมีความสำคัญขนาดไหนสำหรับประเทศไทย มาดูกันเลย

ลีลาศมีความสำคัญด้านสันถวไมตรีกับต่างชาติ

การเต้นลีลาศในประเทศไทยนั้นเริ่มต้นขึ้นเมื่อใดแน่นั้นปัจจุบันก็ยังไม่มีหลักฐานทางประวัติศาสตร์ยืนยันได้แน่ชัด แต่มีการสันนิษฐานกันว่า ลีลาศนั้นน่าจะเริ่มเข้ามาในประเทศไทยตั้งแต่ปลายสมัยรัชกาลที่ 3 และมาก่อตัวเป็นรูปเป็นร่างมากขึ้นในช่วงสมัยรัชกาลที่ 4 เพราะมีบันทึกหลักฐานทางประวัติศาสตร์จากแหม่มแอนนา ถึงเรื่องนี้ไว้ประมาณว่า พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 4 นั้น มีความสนพระทัยในวัฒนธรรมของชาวตะวันตกและมีความสนพระทัยในเรื่องของการเต้นรำในแบบตะวันตกด้วย ครั้งหนึ่งพระองค์เคยถามแหม่มแอนนาถึงเรื่องนี้ และแหม่มแอนนาก็เลยได้อธิบายถึงเรื่องการเต้นรำแบบชาวยุโรป ว่าเป็นวัฒนธรรมอย่างหนึ่งของพระราชวงศ์ของอังกฤษ ขณะที่กล่าวถึงเรื่องนี้ แหม่มแอนนาก็ได้ทำท่าทางการเต้นรำให้พระองค์ดู ซึ่งพอรัชกาลที่ 4 ได้ทอดพระเนตรพระองค์ก็ทรงไม่แสดงอาการอะไร แต่พอแหม่มแอนนาแสดงท่าทางการเต้นรำในจังหวะวอลซ์เท่านั้น รัชกาลที่ 4 ถึงกับเอ่ยพระโอษฐ์ว่า แหม่มแอนนายังวางตำแหน่งแขนในการเต้นไม่ถูก ตำแหน่งนั้นยังใกล้เกินไป แหม่มแอนนาถึงกับประหลาดใจว่าพระองค์ทรงรู้วิธีการเต้นรำแบบชาวตะวันตกนี้ได้อย่างไร ซึ่งแหม่มแอนนาได้สันนิษฐานเอาว่า รัชกาลที่ 4 ทรงเรียนรู้ด้วยพระองค์เองจากตำรับตำราของฝรั่งตะวันตกทั้งนี้ก็เพื่อการเชื่อมสัมพันธไมตรีต่อชาวตะวันตกที่กำลังเข้ามาในประเทศไทยนั่นเอง

แม้ว่าในช่วงรัชกาลที่ 5 และ 6 การเต้นรำแบบลีลาศนั้นจะยังไม่ได้รับความนิยมมากนัก แต่สำหรับชนชั้นเจ้านาย ก็มักจะต้องได้รับการอบรมและเรียนรู้ด้วยกันแทบทุกคน เพื่อเป็นส่วนหนึ่งในการเชื่อมสันถวไมตรีกับต่างชาติที่เข้ามาเป็นทูตเพื่อสานสัมพันธ์ทางการค้ากับประเทศไทย แต่พอมาในรัชกาลที่ 7 การเต้นรำแบบลีลาศก็เริ่มได้รับความนิยมในกลุ่มบุคคลทั่วไปอย่างแพร่หลาย เพราะชนชั้นนำของสังคมให้ความสำคัญ

ลีลาศเกิดขึ้น ซบเซาและเกิดขึ้นใหม่อีกครั้ง

ในช่วงตั้งแต่รัชกาลที่ 4 – 6 เป็นต้นมานั้น ยังไม่มีคำเรียกการเต้นรำโดยเฉพาะ จนหลังจากเปลี่ยนแปลงการปกครอง 2475 ไปแล้วจึงมีผู้คิดค้นบัญญัติศัพท์คำว่า “ลีลาศ” ขึ้นมาใช้ ช่วงตั้งแต่รัชกาลที่ 4 – 6 การเต้นรำแบบลีลาศนี้ก็ถือได้ว่าได้รับความนิยมไม่น้อย และมีทีว่าจะกระจายไปสู่ผู้คนที่เป็นราษฎรมากขึ้น แต่ทว่าสังครามโลกครั้งที่ 1 เกิดขึ้นช่วงรัชกาลที่ 6 ทำให้ลีลาศเงียบหายไป พอสงครามสงบลีลาศก็กลับมาได้รับความสนใจ แต่พอสงครามโลกครั้งที่ 2 มาอีกครั้งการเต้นรำแบบลีลาศก็ถูกลืมเลือนไปอีก กว่าจะกลับมาได้อีกครั้งก็กลายเป็นสิ่งที่เหลือเพียงคนกลุ่มเดียวที่ยังคงรักษาไว้ไปแล้ว

การเดินทางของกีฬาลีลาศนั้นมีความผูกพันเกี่ยวข้องกับประวัติศาสตร์ของไทย ที่สำคัญนี่เป็นหนึ่งชนิดของกิจกรรมที่ได้รับความนิยมสูงในวงสังคมของไทยในช่วงสมัยหนึ่ง แม้ในตอนนั้นยังไม่ได้เป็นกีฬาเต็มตัวก็ตาม ปัจจุบันลีลาศกลายเป็นกีฬาสากลไปแล้ว และในตอนนี้เริ่มมีคนรุ่นใหม่กลับมาให้ความสนใจอีกครั้งก็ถือว่าเป็นเรื่องที่ดี ที่จะทำให้กีฬาชนิดนี้กลับมาคืนชีพด้วยความสง่างามอีกครั้ง