post

กรีฑา กีฬายอดนิยมของคนทั่วโลกที่มีตำนานถึงยุคกรีกโรมัน

มนุษย์เรามีการเคลื่อนไหวร่างกายเป็นธรรมดาของชีวิตอยู่แล้ว เราต้องเดินต้องวิ่งหรือกระโดดกันเป็นชีวิตประจำวันกันมาตั้งแต่มนุษย์ยุคเริ่มแรกถือกำเนิด เพียงแต่ว่า เราไม่ได้มีการกำหนดเป็นรูปแบบการแข่งขันกันอย่างชัดเจน ซึ่งทักษะการเคลื่อนไหวร่างกายพื้นฐาน อย่างเดิน วิ่ง กระโดด การโยน พุ่ง ทุ่มเหล่านี้ เริ่มมีการนำมาจัดเป็นหมวดหมู่และทำการแข่งขันกันในตอนที่มนุษย์เริ่มมีอารยธรรม ซึ่งมีการสันนิษฐานกันว่า เริ่มต้นให้มีการจัดแข่งขันกันในยุคกรีกโรมัน ที่กล่าวมานี้ก็คือ จุดเริ่มต้นของกีฬายอดนิยมทั้งของไทยและสากลอย่าง “กรีฑา” นั่นเอง

กรีฑาเคยเป็นหนึ่งในพิธีกรรมในการบางสรวงเหล่าทวยเทพ

จริง ๆ แล้วการกำเนิดขึ้นของกีฬากรีฑานั้นอาจจะเก่าแก่และย้อนไปไกลกว่ายุคกรีกโรมันก็เป็นไปได้ เพียงแต่ไม่ได้มีการบันทึกไว้ชัดเจนและเราก็ไม่มีการค้นพบหลักฐานทางประวัติศาสตร์ที่เก่ากว่ายุคกรีกโรมัน เราจึงสันนิษฐานจุดตั้งต้นของกรีฑาว่าเริ่มต้นอย่างเป็นทางการในช่วง 776 ปีก่อนคริสตกาล ซึ่งในตอนนั้นชาวกรีกไม่ได้จัดเป็นการแข่งขันเหมือนในปัจจุบัน กรีฑาในยุคนั้นเป็นส่วนหนึ่งของพิธีกรรมการบวงสรวงเทพเจ้า ที่พวกเขาเชื่อว่าทรงสถิตอยู่ ณ เทือกเขาโอลิมปัส การให้เกียรติแก่เทพเจ้า มนุษย์จึงควรมีการละเล่นเพื่อถวายแด่เทพ อีกทั้งทางฝั่งกษัตริย์แห่งกรีกในยุคนั้นเองก็เป็นห่วงเรื่องสุขภาพพลานามัยของประชาชน เพราะบางปีก็จะมีโรคระบาด ซึ่งพวกเขาเชื่อว่าเกิดขึ้นเพราะเทพเจ้าพิโรธ จึงคิดกันว่าวิธีการที่จะทำให้เทพเจ้าพอใจก็ต้องมีการจัดการเล่นกีฬา ก็คือ การแข่งขันกรีฑานั่นเอง

ในตอนนั้นกรีฑาก็มีการแบ่งประเภทออกมาเป็น 5 ประเภทแล้ว นั่นคือ จะมีการวิ่ง การแข่งกระโดด มีการพุ่งแหลม ขว้างจักร และมีมวยปล้ำอยู่ด้วย แต่ในเวลาต่อมาเมื่อกรีกเสื่อมอำนาจและต้องมาอยู่ใต้การควบคุมของชาวโรมัน การเล่นกรีฑาก็เสื่อมความนิยมลงไป ส่วนหนึ่งเพราะชาวโรมันไม่นิยมให้ชาวเมืองเล่นเนื่องจากกีฬามีส่วนเกี่ยวพันกับการเล่นพนัน นั่นจึงทำให้กรีฑาเริ่มถูกลืมเลือนไปในช่วงโรมันเรื่องอำนาจ

การกลับมาอีกครั้งของกรีฑาในฐานะกีฬาสำคัญของโอลิมปิก

คิดเป็นระยะเวลาร่วม 1500 ปีเลยทีเดียวที่กรีฑาถูกกลบไว้ให้หลับใหลอยู่แบบนั้น หลังจากโรมันล่มสลาย สงครามเกิดขึ้นอีกหลายครั้งมากมาย แต่ในเวลาต่อมาชาวฝรั่งเศสคนหนึ่งก็เป็นผู้ริเริ่มชักชวนให้ประชาคมโลกได้หันมาสนในเรื่องกีฬา และเขามีความคิดที่จะฟื้นฟูนำกีฬาโบราณกลับมา แนวคิดนี้ได้รับการยอมรับและมีการสานต่อไปในระดับโลก หลาย ๆ ประเทศเริ่มเกิดการประชุมและลงความเห็นว่าควรจะให้มีกีฬาแห่งมวลมนุษยชาติ ให้กีฬาเป็นสิ่งสานสัมพันธ์ประเทศต่าง ๆ ในโลก จึงทำให้เกิดการจัดแข่งขันกีฬาโอลิมปิก ซึ่งทุกฝ่ายลงความเห็นว่ากีฬาหลักที่จะนำมาแข่งกันในโอลิมปิกก็ควรจะเป็นกีฬาที่ถูกฝังกลบไว้นานนับพันปีอย่างกรีฑานั่นเอง นั่นจึงเป็นจุดเริ่มต้นการคืนชีพของกรีฑา และในประเทศไทยก็ได้รับอิทธิพลการแข่งขันนี้มาจากประเทศตะวันตก ซึ่งได้รับความสนใจเป็นอย่างมาก แม้กระทั่งพระบรมวงศานุวงศ์ยังให้ความสนใจและให้การสนับสนุน นั่นจึงทำให้เรามีนักกรีฑารุ่นใหม่ ๆ อยู่มาโดยตลอดเวลา

การเล่นกรีฑานั้นไม่ใช่เพียงแค่เรื่องของการแข่งขันเท่านั้น แต่สำหรับบุคคลทั่วไปในไทย ก็มีความผูกพันอยู่กับกรีฑาอย่างไม่รู้ตัว อย่างการวิ่งซึ่งทุกวันนี้กลายเป็นกิจกรรมการออกกำลังกายที่ได้รับความนิยมสูงมาก มีการจัดเป็นกิจกรรมท่องเที่ยวเชิงสุขภาพด้วย จึงนับว่านี่คือกีฬาอีกชนิดหนึ่งที่อยู่คู่กับมนุษยชาติมาเนิ่นนานจริง ๆ

post

อยาก “วิ่ง” ให้เก่ง วิ่งให้เร็วแบบนักกรีฑา ต้องเริ่มต้นจากทักษะพื้นฐาน

การออกกำลังกายพื้นฐานซึ่งเรียกได้ว่าเป็นที่นิยมมากสำหรับคนไทยก็คือ การวิ่ง ในช่วง 10 ปีที่ผ่านมาเมืองไทยเราเริ่มมีการพัฒนาการวิ่งออกไปให้นอกเหนือเรื่องของการกีฬาและการออกกำลังกาย โดยเริ่มผูกโยงการวิ่งให้เชื่อมกับเรื่องของการท่องเที่ยว จึงทำให้มีนักวิ่งมากมายจากต่างประเทศให้ความสนใจบินมาแข่งวิ่งในบ้านเราเยอะขึ้น เป็นการฉุดกระแสการวิ่งในบ้านเราให้ตื่นตัวมากขึ้นไปอีก จนทำให้ตอนนี้ใครหลายคนอยากจะพัฒนาการ “วิ่ง” ของตนเองให้ก้าวสู่การเป็นนักกรีฑาหรือนักไตรกีฬา เพราะการแข่งวิ่งนั้นแม้จะเป็นการวิ่งมาราธอนก็ตาม ในปัจจุบันไม่ได้แค่ต้องการความอึดอย่างเดียว ต้องการความเร็วเข้ามาช่วยด้วย ดังนั้น ทักษะพื้นฐานของนักกรีฑามืออาชีพจึงมีความสำคัญมาก มาดูกันดีกว่าว่าคุณควรจะฝึกทักษะอะไรเพิ่มเติมบ้าง

ทักษะพื้นฐานของกรีฑาที่จะมาช่วยเสริมเรื่องการวิ่ง

ทักษะพื้นฐานของการวิ่งที่ดีไม่ว่าจะเป็นการวิ่งมาราธอนที่เน้นวิ่งไกลหรือต้องการวิ่งสปีดเพื่อทำความเร็วก็ตาม จุดสำคัญที่สุดที่เรียกว่าเป็นพื้นฐานที่นักวิ่งทุกคนต้องรู้ก็คือ ท่าทางการวิ่ง เป็นการจัดระเบียบร่างกายในการวิ่งนั่นเอง ซึ่งถ้าจัดระเบียบร่างกายดีก็จะช่วยให้วิ่งได้นานไม่บาดเจ็บและสามารถวิ่งได้เร็วขึ้นด้วย ซึ่งสิ่งที่ต้องฝึกและปรับมีดังนี้

  1. เมื่อเริ่มต้นออกวิ่ง ให้ลองเริ่มปรับร่างกายโดยการวิ่งช้า ๆ ก่อน และปรับมุมร่างกายโดยโน้มไปข้างหน้าประมาณ 20 องศาจากเส้นตั้งฉาก
  2. ศีรษะพยายามวางให้ตรง ไม่ต้องก้มไปข้างหน้ามาก ทำมุมสบาย ๆ สายตามองไปข้างหน้าในระยะ 15 ฟุต อย่าก้มมองพื้นในระยะสั้น ๆ
  3. ในส่วนของเท้าให้ก้าวออกไปตรง ๆ ลองขยับเท้าไปช้า ๆ ก่อนเพื่อให้มั่นคง
  4. ในส่วนของไหล่ ให้คงที่ไว้ แต่ไม่ต้องเกร็ง การเคลื่อนไหวร่างกายส่วนบนนั้นให้เคลื่อนจากไหล่ ไม่สะบัดมือหรือแขน ให้ใช้วิธีการกระตุกศอกไปด้านหลังเบา ๆ ตามจังหวะการก้าวแทน
  5. ช่วงการก้าวเท้านั้น ให้ยาวไว้ก่อนและพยายามควบคุมให้ระยะก้าวสม่ำเสมอ
  6. หากวิ่งระยะสั้นต้องการทำความเร็วก็ให้วิ่งยกเข่าให้สูง

ทักษะเสริมสำหรับคนต้องการวิ่งแบบออกตัวเร็ว

สำหรับคนที่ต้องการฝึกวิ่งเร็วเพื่อพัฒนาไปสู่การเป็นนักกรีฑา ก็จะขอแนะนำเทคนิคพื้นฐานที่นักกีฬามืออาชีพใช้กัน ซึ่งจะเป็นเทคนิคที่ปรับไปตามลักษณะข้อจำกัดด้านสรีระของผู้เล่น จะมี 3 แบบดังนี้

  • Bunch Start – ใครที่เป็นนักวิ่งแต่ลักษณะรูปร่างค่อนข้างเตี้ย ขาไม่ได้ยาว ช่วงการจะออกตัววิ่งให้ใช้วิธีวางปลายเท้าหลังให้อยู่แนวเดียวกับส้นเท้าหน้า ปลายเท้าหน้าห่างจากเส้นเริ่มประมาณ 19 นิ้ว (ในช่วงแรกให้ลองวัดดูก่อน) ส่วนเท้าหลังให้ห่างจากเส้นเริ่มประมาณ 29 นิ้ว
  • Medium Start – สำหรับคนที่สูงปานกลาง รูปร่างทั่วไปตามมาตรฐาน ให้ใช้วิธีวางแนวเข่าเท้าหลังให้อยู่กึ่งกลางเท้าหน้า ปลายเท้าหน้าจากเส้นเริ่มประมาณ 15 นิ้ว และปลายเท้าหลังห่างเส้นเริ่มประมาณ 34 นิ้ว
  • Elongated Start – สำหรับคนที่สูงโย่ง ขายาว ให้เข่าเท้าหลังวางแนวอยู่ที่ช่วงส้นเท้าหน้า ปลายเท้าหน้าห่างจากเส้นเริ่มประมาณ 13 นิ้ว และปลายเท้าหลังห่างเส้นเริ่มประมาณ 14 นิ้ว

เหล่านี้เป็นเทคนิคเล็ก ๆ น้อย ๆ จากนักกรีฑามืออาชีพ ซึ่งถือเป็นพื้นฐานสำคัญในการที่จะช่วยพัฒนาทักษะการวิ่งของใครหลาย ๆ คนให้ดีมากยิ่งขึ้น ลองนำไปปรับใช้ฝึกฝนกันดูเชื่อว่า การวิ่งของคุณจะพัฒนาขึ้นอย่างเห็นได้ชัดแน่นอน

post

“ลีลาศ” กีฬาอาจไม่ฮิตเท่าบอลแต่กลุ่มคนที่รักก็เหนียวแน่น

กีฬาลีลาศ อาจจะเรียกได้อีกอย่างว่าเป็นกีฬาเต้นรำ แม้จะไม่ได้ฮิตเหมือนกีฬาระดับโลกหลายชนิด ๆ แต่ก็นับว่ามีคนกลุ่มหนึ่งในประเทศไทยที่หลงใหลชื่นชอบ ซึ่งคนกลุ่มนี้ก็รักอย่างเหนียว และสามารถสร้างแรงบันดาลใจให้กับคนรุ่นใหม่ ๆ เข้ามาสู่การกีฬาชนิดนี้ได้เหมือนกัน ด้วยลีลาท้าวงท่าที่เยื้องกรายไปของคู่เต้นทำให้เกิดภาพศิลป์อันงดงามอีกหนึ่งรูปแบบ ซึ่งลีลาศนั้นจริง ๆ แล้วไม่ได้เป็นเพียงเรื่องของการเต้นรำไปตามจังหวะเพลง ให้เกิดความสนุกสนานและเกิดความงดงามเท่านั้น แต่ลีลาศได้แฝงคุณประโยชน์ไว้ในศิลปะการเต้นมากมายทีเดียว

ลีลาศการออกกำลังกายที่ได้เรื่องของกิจกรรมสังคมควบคู่

การเต้นรำแบบลีลาศใครคิดว่าไม่เหนื่อย นั่นแสดงว่าคุณยังไม่เคยทดลองเล่นลีลาศเลยสักครั้งแน่ ๆ สำหรับใครที่เคยลองและมีประสบการณ์มาแล้ว ทุกคนคงจะรู้ดีเลยว่าการเต้นรำแบบลีลาศเหนื่อยเอาการทีเดียว ใช้ร่างกายเยอะมากกว่าจะเต้นจนจบเพลงได้ ดังนั้น ลีลาศจึงเป็นหนึ่งกลวิธีการออกกำลังกายในแบบที่ทำให้เพลิดเพลินไปในตัว เป็นอีกหนึ่งวิธีในการสร้างเสริมสุขภาพ และในขณะเดียวกันทุกลีลาท่วงท่าที่ก้าวไปหรือเต้นไปตามจังหวะนั้น จะเป็นการจัดการวางบุคลิกลักษณะร่างกายไปในตัว นั่นจึงเท่ากับว่าเป็นการช่วยเสริมสร้างบุคลิกและการจัดจัดระเบียบรูปร่างให้ดูสง่าไปในตัวอีกด้วย

อีกจุดหนึ่งที่สำคัญไม่น้อยก็คือ อย่างที่ทราบกันกีฬาลีลาศนั้นมีจุดเริ่มต้นที่งานหรือกิจกรรมสังคม นับเป็นกิจกรรมที่ทำให้เกิดความสนุกสนานเพลิดเพลินเวลาออกงานสังคมได้ และยังสร้างความโดดเด่นในช่วงเวลาดังกล่าวได้ด้วย ดังนั้น ใครที่เต้นลีลาศเป็นก็จะทำให้เกิดความมั่นใจในตัวเองบางขึ้นเวลาออกงานสังคมต่าง ๆ เป็นประโยชน์อีกทางหนึ่งที่คนส่วนใหญ่อาจมองข้ามไป

อดีตอันขมขื่นของกีฬาลีลาศ

ในวันนี้กีฬาลีลาศเป็นที่ยอมรับกันในระดับประเทศและระดับโลกแล้ว มีนักกีฬาของไทยเราก้าวเข้าไปสู่ระดับเอเชียแล้วก็มี แต่กว่ากีฬาลีลาศของไทยจะก้าวเข้ามาสู่ระดับความนิยมที่มีนักกีฬาที่สร้างชื่อเสียงให้กับประเทศได้ ก็ต้องมีดราม่าฟันฝ่าอุปสรรคมาอย่างมากมาย เพราะในจุดเริ่มแรกก่อนที่จะมีการผลักดันให้ไทยเรามีองค์กรเกี่ยวกับกีฬาลีลาศ ก็ถูกตั้งแง่จากสังคมในหลายด้านว่า กีฬานี้เป็นงานกิจกรรมสังคมที่ไม่เป็นสาระ เป็นวัฒนธรรมของตะวันตกที่เรารับเขาเข้ามา ไม่เหมาะที่จะสนับสนุนเป็นกีฬา เพราะคิดว่าคงไม่มีนักกีฬารุ่นใหม่ ๆ ที่จะเข้ามาเล่นหรือเข้ามาฝึกซ้อมให้ความสนใจ จนเริ่มมีการถกเถียงและผลักดัน ให้มีการจัดประเภทว่าลีลาศเป็นลักษณะของกิจกรรมนาฏศิลป์สากลและลองให้มีการนำไปเปิดสอนเป็นหลักสูตรในสถานศึกษา ซึ่งปรากฏว่าคนรุ่นใหม่กลับชื่นชอบและหลงใหลในกีฬาชนิดนี้ไม่น้อย นั่นจึงทำให้หลายฝ่ายมองว่าควรมีการผลักดันให้ไปสู่การเป็นกีฬาสากลกันเสียที นั่นจึงทำให้เรามีนักกีฬาลีลาศชาวไทยออกไปแข่งขันในระดับประเทศอย่างที่เราเห็นในปัจจุบันนั่นเอง

หากจะนับจำนวนนักกีฬาหรือผู้เล่นกีฬาลีลาศในเมืองไทย แน่นอนว่าคงมีจำนวนที่น้อยกว่าฟุตบอล บาสเกตบอล มวย หรือกีฬาอื่น ๆ อีกมาก แต่กีฬาชนิดนี้ก็ไม่ได้ด้อยในเรื่องความนิยมแต่อย่างใด เพราะคนที่หลงใหลและให้ความสำคัญกับกีฬานี้มีความเหนียวแน่นมาก คือ อายุในวงการยาวนานกว่ากีฬาอื่นมาก เพราะแม้จะไม่เป็นนักกีฬาแล้ว พวกเขาก็ยังคงสนับสนุนและอยู่เบื้องหลังวงการนี้เรื่อยมา ซึ่งแตกต่างจากกีฬาชนิด ๆ อื่น ๆ มากเลยทีเดียว

post

ใครสนใจอยากลองเล่นกีฬาลีลาศ ลองมาทำความรู้จักกับขอบเขตพื้นฐานกัน

ในปัจจุบันเราได้ทราบกันแล้วว่าลีลาศถือเป็นกีฬาสากลประเภทหนึ่ง ซึ่งมีการจัดแข่งขันในระดับนานาชาติมาเนิ่นนานหลายปีแล้ว ซึ่งในประเทศไทยเราเองก็มีคนกลุ่มหนึ่งให้ความสนใจ และมีเยาวชนรุ่นใหม่ให้ความสนใจมาฝึกซ้อมและเป็นนักกีฬาลงแข่งขันในนามประเทศไทยด้วยเช่นกัน ถ้าคุณสนใจหรือต้องการส่งเสริมให้ลูกหลานเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งในกีฬาสากลนี้ เพื่อเสริมบุคลิกภาพรวมถึงปลูกฝังให้เยาวชนมีจิตใจเป็นนักกีฬา สิ่งที่ต้องทำอย่างแรกเลยก็คือ ต้องรู้จักขอบเขตหรือกฎกติกาพื้นฐานของการเล่นลีลาศกันก่อนว่า เขาแข่งขันกันอย่างไรบ้าง ไปเริ่มต้นกันเลย

ลีลาศประเภทบอลรูม

กีฬาลีลาศในระดับสากลนั้นได้มีการกำหนดมาตรฐานประเภทของการเล่นกีฬาลีลาศไว้ 2 ประเภท ประเภทแรกก็คือ Ballroom Dancing หรือลีลาศแบบบอลรูม การแข่งลีลาศประเภทนี้ จะเป็นการแข่งขันเต้นรำกับเพลงที่มีจังหวะออกแนวนุ่มนวลสุภาพสวยงาม ซึ่งบทเพลง จังหวะของดนตรีและลีลาของการเต้นรำนั้นจะเน้นไปที่ความสวยงามและความสง่างามของท่าทาง ผู้แข่งขันจะต้องโชว์ท่วงท่าที่ดูสง่า ผึ่งผายหรือสะท้อนความมีบุคลิกภาพที่ดีออกมา การเต้นรำในประเภทนี้ จะนิยมการลากเท้าเลียดไปพื้น ไม่ใช้การก้าวย่ำ เดิมทีแล้ว การเต้นรำในลักษณะนี้จะเป็นวัฒนธรรมของชางอังกฤษ หลายคนจึงมักเรียกประเภทบอลรูมนี้ว่า ลีลาศสไตล์อังกฤษ ซึ่งการแข่งมักจะใช้จังหวะดนตรีมาตรฐานอยู่ 5 จังหวะดังนี้

  1. จังหวะ Waltz
  2. จังหวะ Quick Waltz หรือ Viennese Waltz
  3. จังหวะ Tango
  4. จังหวะ Foxtrot
  5. จังหวะ Quick Step

ลีลาศประเภทลาตินอเมริกา

ลีลาศประเภทต่อมาที่ได้รับการรับรองและจัดว่าเป็นมาตรฐานของการแข่งขันลีลาศอีกประเภทก็คือ Latin American Dancing หรือลีลาศแบบลาตินอเมริกา ซึ่งประเภทนี้จะเป็นการแข่งขันเต้นในรูปแบบจังหวะสไตล์ลาตินที่ เน้นเรื่องของความเร็ว ความคล่องแคล่วของร่างกาย ซึ่งประเภทนี้จะใช้ร่างกายเยอะมากจะต้องเคลื่อนไหวหลายส่วน ตั้งแต่ส่วนคอ ไหล่ ไล่ไปยังสะโพก เข่า ข้อเท้า และเท้าที่จะต้องก้าวอย่างรวดเร็วและมั่นคง ซึ่งแบบนี้การก้าวเท้าในการเต้นจะเน้นในเรื่องการยกเท้าหรือยกเข่ามากขึ้น ซึ่งจังหวะที่ใช้ในการแข่งขันนั้นจะมีมากถึง 12 จังหวะดนตรี เช่น  Rock and Roll, Cha Cha Cha, Rumba, Beguine, Samba, Off – beat เป็นต้น นอกจากจังหวะดังที่กล่าวมานี้แล้ว ในปัจจุบันก็มีจังหวะเต้นรำใหม่ ๆ เกิดขึ้นมากมาย ตามแนวทางการพัฒนาดนตรีตามยุคสมัยนิยม แต่แนวจังหวะดนตรีใหม่ ๆ ที่เกิดขึ้นนี้ ยังไม่จัดว่าเป็นจังหวะของการลีลาศ เพราะยังได้รับความนิยมกันเฉพาะกลุ่มเท่านั้น ยังไม่เป็นสากลทั่วไป จึงยังไม่นับว่าเป็นการเต้นแบบลีลาศ

นี่คือขอบเขตพื้นฐานของการเต้นหรือการแข่งขันลีลาศในปัจจุบัน ที่จะแบ่งการแข่งและมาตรฐานการเล่นออกเป็น 2 ประเภท ซึ่งสำหรับคนที่สนใจหรือต้องการให้เยาวชนมาลองเล่นดีก็ควรรู้จักในจุดนี้เพื่อส่งเสริมเยาวชนให้ไปเล่นได้ถูกประเภท อันจะช่วยให้นักกีฬามีแนวทางและทิศทางที่ถูกต้องมากขึ้นในการฝึกหัดนั่นเอง

post

ใครว่าลีลาศเป็นกีฬานอกกระแส แท้จริงกับเป็นกีฬาของชนชั้นนำที่มีประวัติศาสตร์ยาวนาน

สำหรับกีฬาลีลาศแล้ว แน่นอนว่าอาจจะเทียบความนิยมกับกีฬาฟุตบอล มวย เทนนิส หรือวอลเลย์บอลไม่ได้เลย แต่ประวัติศาสตร์ความเป็นมาของกีฬาลีลาศนั้นก็ไม่ได้ด้อยกว่าหลายชนิดกีฬาที่มีในประเทศไทยเลย และดีไม่ดีน่าจะมีความสำคัญมากกว่ากีฬายอดฮิตอย่างฟุตบอลเลยด้วยซ้ำไป แล้วลีลาศมีความสำคัญขนาดไหนสำหรับประเทศไทย มาดูกันเลย

ลีลาศมีความสำคัญด้านสันถวไมตรีกับต่างชาติ

การเต้นลีลาศในประเทศไทยนั้นเริ่มต้นขึ้นเมื่อใดแน่นั้นปัจจุบันก็ยังไม่มีหลักฐานทางประวัติศาสตร์ยืนยันได้แน่ชัด แต่มีการสันนิษฐานกันว่า ลีลาศนั้นน่าจะเริ่มเข้ามาในประเทศไทยตั้งแต่ปลายสมัยรัชกาลที่ 3 และมาก่อตัวเป็นรูปเป็นร่างมากขึ้นในช่วงสมัยรัชกาลที่ 4 เพราะมีบันทึกหลักฐานทางประวัติศาสตร์จากแหม่มแอนนา ถึงเรื่องนี้ไว้ประมาณว่า พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 4 นั้น มีความสนพระทัยในวัฒนธรรมของชาวตะวันตกและมีความสนพระทัยในเรื่องของการเต้นรำในแบบตะวันตกด้วย ครั้งหนึ่งพระองค์เคยถามแหม่มแอนนาถึงเรื่องนี้ และแหม่มแอนนาก็เลยได้อธิบายถึงเรื่องการเต้นรำแบบชาวยุโรป ว่าเป็นวัฒนธรรมอย่างหนึ่งของพระราชวงศ์ของอังกฤษ ขณะที่กล่าวถึงเรื่องนี้ แหม่มแอนนาก็ได้ทำท่าทางการเต้นรำให้พระองค์ดู ซึ่งพอรัชกาลที่ 4 ได้ทอดพระเนตรพระองค์ก็ทรงไม่แสดงอาการอะไร แต่พอแหม่มแอนนาแสดงท่าทางการเต้นรำในจังหวะวอลซ์เท่านั้น รัชกาลที่ 4 ถึงกับเอ่ยพระโอษฐ์ว่า แหม่มแอนนายังวางตำแหน่งแขนในการเต้นไม่ถูก ตำแหน่งนั้นยังใกล้เกินไป แหม่มแอนนาถึงกับประหลาดใจว่าพระองค์ทรงรู้วิธีการเต้นรำแบบชาวตะวันตกนี้ได้อย่างไร ซึ่งแหม่มแอนนาได้สันนิษฐานเอาว่า รัชกาลที่ 4 ทรงเรียนรู้ด้วยพระองค์เองจากตำรับตำราของฝรั่งตะวันตกทั้งนี้ก็เพื่อการเชื่อมสัมพันธไมตรีต่อชาวตะวันตกที่กำลังเข้ามาในประเทศไทยนั่นเอง

แม้ว่าในช่วงรัชกาลที่ 5 และ 6 การเต้นรำแบบลีลาศนั้นจะยังไม่ได้รับความนิยมมากนัก แต่สำหรับชนชั้นเจ้านาย ก็มักจะต้องได้รับการอบรมและเรียนรู้ด้วยกันแทบทุกคน เพื่อเป็นส่วนหนึ่งในการเชื่อมสันถวไมตรีกับต่างชาติที่เข้ามาเป็นทูตเพื่อสานสัมพันธ์ทางการค้ากับประเทศไทย แต่พอมาในรัชกาลที่ 7 การเต้นรำแบบลีลาศก็เริ่มได้รับความนิยมในกลุ่มบุคคลทั่วไปอย่างแพร่หลาย เพราะชนชั้นนำของสังคมให้ความสำคัญ

ลีลาศเกิดขึ้น ซบเซาและเกิดขึ้นใหม่อีกครั้ง

ในช่วงตั้งแต่รัชกาลที่ 4 – 6 เป็นต้นมานั้น ยังไม่มีคำเรียกการเต้นรำโดยเฉพาะ จนหลังจากเปลี่ยนแปลงการปกครอง 2475 ไปแล้วจึงมีผู้คิดค้นบัญญัติศัพท์คำว่า “ลีลาศ” ขึ้นมาใช้ ช่วงตั้งแต่รัชกาลที่ 4 – 6 การเต้นรำแบบลีลาศนี้ก็ถือได้ว่าได้รับความนิยมไม่น้อย และมีทีว่าจะกระจายไปสู่ผู้คนที่เป็นราษฎรมากขึ้น แต่ทว่าสังครามโลกครั้งที่ 1 เกิดขึ้นช่วงรัชกาลที่ 6 ทำให้ลีลาศเงียบหายไป พอสงครามสงบลีลาศก็กลับมาได้รับความสนใจ แต่พอสงครามโลกครั้งที่ 2 มาอีกครั้งการเต้นรำแบบลีลาศก็ถูกลืมเลือนไปอีก กว่าจะกลับมาได้อีกครั้งก็กลายเป็นสิ่งที่เหลือเพียงคนกลุ่มเดียวที่ยังคงรักษาไว้ไปแล้ว

การเดินทางของกีฬาลีลาศนั้นมีความผูกพันเกี่ยวข้องกับประวัติศาสตร์ของไทย ที่สำคัญนี่เป็นหนึ่งชนิดของกิจกรรมที่ได้รับความนิยมสูงในวงสังคมของไทยในช่วงสมัยหนึ่ง แม้ในตอนนั้นยังไม่ได้เป็นกีฬาเต็มตัวก็ตาม ปัจจุบันลีลาศกลายเป็นกีฬาสากลไปแล้ว และในตอนนี้เริ่มมีคนรุ่นใหม่กลับมาให้ความสนใจอีกครั้งก็ถือว่าเป็นเรื่องที่ดี ที่จะทำให้กีฬาชนิดนี้กลับมาคืนชีพด้วยความสง่างามอีกครั้ง

post

ไม่ว่าจะฝึกเล่นหรือจะเชียร์แบบแฟนตัวยง จะสนุกขึ้นแน่ถ้าคุณรู้กติกาวอลเลย์บอลเบื้องต้น

ต้องยอมรับเลยว่าประมาณ 4 – 5 ปีที่ผ่านมานี้กระแสความนิยมกีฬาวอลเลย์บอลของไทยเราเพิ่มขึ้นมา ทั้งนี้ก็ต้องยกเครดิตให้กับทีมนักตบสาวไทยชุดใหญ่ รวมถึงทีมโค้ชมากความสามารถที่ช่วยให้ส่งให้กีฬาวอลเลย์บอลของไทยไปไกลในระดับเอเชีย และยังได้รับการจัดอันดับโลกทีน่าพอใจ ซึ่งต้องบอกเลยว่าตลอดเวลาที่กีฬาชนิดนี้มีมาในประเทศไทย ไม่มียุคไหนที่จะ “ปัง” เท่ายุคนี้อีกแล้ว นักกีฬาวอลเลย์บอลหญิงในชุดปัจจุบันนี้สามารถสร้างกระแสความนิยมให้กับวอลเลย์บอลไทยได้มากจริง ๆ จนตอนนี้มีแฟนคลับมากมาย ใครที่ได้แรงบันดาลใจจากนักกีฬาเหล่านี้ รวมไปถึงต้องการเชียร์ทีมวอลเลย์บอลไทยให้สนุกขึ้นเวลาที่แข่งระดับนานาชาติ สิ่งสำคัญก็ควรจะต้องรู้กติกาพื้นฐาน เมื่อรู้กติกาก็จะฝึกเล่นได้ดี และดูได้อย่างเข้าใจมากขึ้น แล้วมีอะไรที่ต้องรู้บ้างไปดูกันเลย

กติกาวอลเลย์บอลส่วนของสนามและอุปกรณ์

วอลเลย์บอลแบบทีมใหญ่ที่ไม่ใช่วอลเลย์บอลชายหาด จะเล่นแบบอินดอร์กันอยู่แล้ว โดยมาตรฐานจะกำหนดขนาดสนามอยู่ที่ความกว้าง 9 เมตร และขนาดความยาวสนามอยู่ที่ 18 เมตร และจะต้องมีพื้นที่บริเวณรอบ ๆ สนามแข่งด้วย โดยพื้นที่โดยรอบจะต้องห่างจากส่วนที่ทำการแข่งขันประมาณ 2 เมตรเป็นอย่างน้อย และภายในสนามที่เป็นบริเวณแข่งขัน จะมีการตีเส้นแบ่งเขตพื้นที่เป็นส่วน ๆ ชัดเจน เช่น มีเส้น Zone lines ซึ่งแบ่งเขตที่จะทำการรุก เส้นเสิร์ฟ มีเขตสำหรับการเปลี่ยนตัว เป็นต้น ในส่วนของตาข่ายขนาดมาตรฐานจะอยู่ที่ความกว้าง  1 เมตรและยาว 9.5 เมตร ตาข่ายจะต้องขึงอยู่กึ่งกลางสนาม โดยความสูงของตาข่ายก็จะแตกต่างกันไประหว่างเพศชายกับหญิง ถ้าเป็นการแข่งของผู้ชายตาข่ายจะสูงห่างจากพื้น 2.43 เมตร ส่วนของนักกีฬาหญิงจะสูง 2.24 เมตร

ในส่วนของลูกวอลเลย์บอล กติกากำหนดให้ใช้ลูกบอลที่ด้านนอกทำด้วยหนังฟอก จะต้องมีเส้นรอบวงของลูกอยู่ที่ 6.5 – 6.7 เซนติเมตร น้ำหนักของลูกบอลควรจะอยู่ที่ 260 – 270 กรัมไม่เกินนี้

กติกาวอลเลย์บอลในส่วนของผู้เล่น

จำนวนผู้เล่นกติกาวอลเลย์บอลมาตรฐานกำหนดให้ผู้เล่นแต่ละทีมต้องไม่เกิน 6 คน รวมผู้เล่นอิสระ 1 คนด้วย โดยกติกาปัจจุบันกำหนดให้แต่ละทีมนอกจากจะมีผู้เล่นแล้ว จะต้องมีผู้ฝึกสอน 1 คน ผู้ช่วยโค้ช 1 คน และแพทย์ประจำทีม 1 คนอยู่ในสนามด้วย สำหรับการเปลี่ยนตัวเกมจะกำหนดให้เปลี่ยนตัวได้ต่อเซ็ตไม่เกิน 6 ครั้ง โดยผู้เล่นสำรองที่จะเปลี่ยนตัวเข้าไปต้องพร้อมมีการถือป้ายแจ้งหมายเลขที่อยู่บนเสื้อให้ชัดเจน และจะต้องยืนอยู่ในเขตเปลี่ยนตัวด้วย ไม่เช่นนั้น กรรมการจะไม่ให้สิทธิ์ทีมในการเปลี่ยนตัว

นี่คือกติกาพื้นฐานเบื้องต้นของวอลเลย์บอล อีกหนึ่งกีฬายอดฮิตในยุคหลังของคนไทย  กติกาหลัก ๆ พื้นฐานเหล่านี้ จะเป็นสิ่งที่ช่วยเสริมให้ทั้งการฝึกเล่นและการดูการเชียร์มีความสนุกขึ้น จึงเป็นเรื่องที่ควรรู้ไว้ เชื่อว่าถ้ามีความรู้เบื้องต้นแบบนี้ไว้บ้างไม่ว่าจะเล่นหรือเชียร์ก็จะสนุกขึ้นอีกเป็นกองแน่นอน

post

ฟุตบอลไทย เล่นอย่างไรให้ไปบอลโลก ??

“ ฟุตบอล ” ถือเป็นกีฬาที่มีความนิยมมากที่สุดในสังคมไทยที่ปัจจุบันมีการเล่นและใช้ในการแข่งขันอย่างแพร่หลาย ด้วยประโยชน์ของกีฬาประเภทนี้แล้วสามารถนำไปใช้ในการตอบโจทย์สำหรับสังคมไทยไม่ว่าจะใช้ในเรื่องของการเสริมสร้างสุขภาพ สร้างสัมพันธภาพอันดีงาม หรือการแข่งขันเพื่อชัยชนะและศักดิ์ศรี ประเทศไทยได้มีทีมนักกีฬาฟุตบอลที่มีผู้เล่นมากความสามารถ และได้รับคัดเลือกเพื่อเป็นตัวแทนของประเทศชาติในการแข่งขันกีฬาทั้งระดับชาติ ระดับทวีป ระดับโลก ซึ่งรายการแข่งขันแต่ละรายการก็มีความยากง่ายที่แตกต่างกันไป ทำให้วงการฟุตบอลของไทยนั้นมีการจัดตั้งสมาคม ชมรม และกลุ่มผู้ที่สนใจในการเล่นกีฬานี้มาเป็นจำนวนมากและแพร่หลายในปัจจุบัน

ปัจจุบัน กระแสของการเล่นกีฬาประเภทนี้ก็ยังมีอย่างต่อเนื่อง ทั้งยังมีกระแสที่ให้ความสนใจทีมฟุตบอลต่างชาติที่มีบทบาทต่อวงการฟุตบอลในบ้านเรา ไม่ว่าจะเป็นทีมเก่ง ๆ ที่สามารถคว้าแชมป์โลก โดยศึกการแข่งขันที่พูดได้ว่าเป็นเกมส์กีฬาแข่งขันที่ดุเดือดและสนุกสนาน ทำให้เป็นแรงจูงใจและเกิดความสนใจในกีฬาประเภทนี้ หากพูดถึงกีฬาฟุตบอลในประเทศไทยก็ยังคงมีการคัดเลือกเพื่อให้สามารถค้นหานักกีฬาที่มีความสามารถทั้งตัวผู้เล่นและผู้ดูแลทีม ที่จะต้องมีจุดมุ่งหมายที่แน่ชัดว่าการกำหนดรูปแบบของทีมครั้งนี้นั้นเพื่อนำมาซึ่งชัยชนะ และสามารถใช้ความสามารถเพื่อเทียบฝีมือให้ใกล้เคียงกับทีมที่มีความเป็นมืออาชีพมากที่สุด เป็นธรรมดาที่การคัดเลือกตัวนักกีฬานั้นจึงมีความสำคัญอย่างยิ่งหากขาดปัจจัยสำคัญใดปัจจัยหนึ่งแล้วไม่สามารถทำให้ทีมนั้นคว้าชัยชนะมาได้ก็จำเป็นต้องวางแผนและจัดการให้เป็นไปตามแผนที่ได้กำหนดไว้ แน่นอนว่าปัจจุบันเทคโนโลยีสมัยใหม่เข้ามามีบทบาทมากยิ่งขึ้นทำให้ง่ายต่อการรับรู้ พัฒนาศักยภาพ และเป็นแนวทางให้กับวงการฟุตบอลในปัจจุบัน ทั้งเรื่องของทักษะเทคนิคพิเศษต่าง ๆ รูปแบบการเล่นที่สามารถเอาตัวอย่างหรือกรณีศึกษาจากทีมฟุตบอลอื่น ๆ หรือแนวคิด การวิเคราะห์ การวิจารณ์กีฬาฟุตบอลของแต่ละทีมมาเปรียบเทียบกัน ก็จะสามารถหาช่องทางหรือแนวทางที่จะวางรูปแบบการเล่นหรือทิศทางการควบคุมทีมได้ ทั้งนี้สามารถศึกษาค้นคว้าเพิ่มเติมได้อย่างง่ายจากสื่อในยุคปัจจุบันที่สามารถเข้าถึงได้อย่างง่ายดายเป็นปกติกับการที่มีสื่อเทคโนโลยีสมัยใหม่เข้ามามีบทบาทต่อการรับรู้ คิดวิเคราะห์ของผู้คนที่มีความสนใจในวงการฟุตบอลไทย โดยมีผู้คนที่สนใจจำนวนไม่น้อยเลยในการวิเคราะห์วิพากษ์วิจารณ์ ทำให้ต่างความคิด ต่างมุมมอง ต่างความเห็น เกิดการเปรียบเทียบกันระหว่างทีมต่าง ๆ นานา ที่มีความสามารถที่แตกต่างกัน รูปแบบการบริหารทีมที่แตกต่างกัน ศักยภาพของผู้เล่น ทีม ความเป็นไปได้และโอกาสที่แตกต่างกันรวมไปถึงความสามารถในด้านอื่นๆที่มีผลกระทบโดยตรงและทางอ้อมต่อการพัฒนาทีมฟุตบอล

ฉะนั้นหากกล่าวถึงวงการฟุตบอลทีมชาติไทยที่มีความแตกต่างจากทีมอื่น ๆ นั้น ก็ย่อมมีทั้งข้อได้เปรียบเสียเปรียบ โอกาสที่จะสามารถเข้าไปสู่รอบลึก ๆ ในหลาย ๆ รายการนั้นก็มีอยู่ไม่น้อยเลย หากมองแบบเกิดการเปรียบเทียบว่าฟุตบอลไทยมีข้อดีและข้อเสียอะไร แล้วเอามาวิเคราะห์ปรับเปลี่ยนวางแผนเสียใหม่ แม้กระทั่งการเปิดรับมุมมองของการแนะนำเทคนิคที่แตกต่างจากการบริหารของโค้ชหรือผู้ดูแลทีมแล้ว แม้กระทั่งความสนใจของผู้ชมที่ติดตามกันอย่างแพร่หลายและกว้างขวางนั้นนั้น สามารถเป็นช่องทางหนึ่งที่จะเป็นคนให้ข้อมูลสำคัญในการที่จะนำมาปรับใช้ หรือที่เรียกว่า การใช้สังคมในการพัฒนารูปแบบการเล่นประกอบการวางแผนอย่างชาญฉลาดและรู้เท่าถึงสถานการณ์ ก็อาจทำให้ได้เปรียบในด้านแนวทางความคิดจากกระแส “ มุมมองของสังคม ” ที่มีอยู่มากมายและหลากหลายที่หลั่งใหลเข้ามาให้ความสนใจนั้น  สามารถนำและหยิบยกเอามาเป็นแนวทางได้ ถือว่าเป็นสิ่งที่เรียกว่าการใช้กระแสสื่อสังคมในการบริหารร่วมเป็นการใช้ประโยชน์จากแนวคิดของบุคคลที่เป็นสาธารณะร่วมกัน ไม่แน่ว่าการปรับเปลี่ยนทัศนคติหรือใช้มุมมองหลาย ๆ ด้านร่วมกันอาจสร้างความเป็นไปได้ให้กับวงการฟุตบอลของไทยได้ไม่น้อยเลยทีเดียว

post

โอลิมปิกเกมส์…ความฝันที่ยังต้องรอต่อไปสำหรับวอลเลย์บอลหญิงทีมชาติไทย

เป็นอีกครั้งที่นักวอลเลย์บอลหญิงทีมชาติไทยต้องอกหักตกรอบคัดเลือกโอลิมปิกเกมส์ หลังพ่ายให้กับทีมชาติเกาหลีใต้ไปแบบขาดลอย 3-0 เซต พลาดตั๋วใบสุดท้ายของทวีปเอเชียสู่โตเกียวเกม 2020 ตามเพื่อนร่วมทวีปอย่างจีนและญี่ปุ่นที่ผ่านเข้ารอบไปรออยู่ก่อนแล้ว หมดโอกาสสร้างประวัติศาสตร์ผ่านเข้าสู่โอลิมเกมเป็นครั้งแรกของนักตบสาวไทย

โอลิมปิกเกมส์ ถือเป็นมหกรรมกีฬาที่นักกีฬาทั่วโลกปรารถนาจะมีส่วนร่วมสักครั้งในชีวิต แถมยังเต็มไปด้วยการถ่ายทอดสดพร้อมรายงานผลผ่านเว็บไซต์อย่าง VWIN ตลอดการแข่งขันอีกด้วย โดยประเทศไทยส่งนักกีฬาทีมชาติเข้าร่วมการแข่งขันมาตั้งแต่ปี 1952 ที่ประเทศฟินแลนด์ ซึ่งที่ผ่านมามีนักกีฬาผ่านรอบคัดเลือกเข้าร่วมชิงชัยได้ถึง 21 ชนิดกีฬา แต่กีฬาที่เป็นความหวังเหรียญรางวัลของชาวไทยทั้งในซีเกมส์และเอเชี่ยนเกมส์อย่าง “วอลเลย์บอลหญิง” กลับไม่เคยมีส่วนร่วมกับโอลิมปิกเกมส์เลยสักครั้ง โดยโอกาสใกล้เคียงที่สุดของนักตบลูกยางสาวไทยเกิดขึ้นในโอลิมปิกเกมส์ 2016 รอบคัดเลือกระดับโลก ซึ่งครั้งนั้นพวกเธอทำผลงานชนะ 4 แพ้ 3 เท่ากับทีมชาติเกาหลีใต้ แต่จำนวนเซตที่เสียเป็นรองจึงต้องเป็นฝ่ายตกรอบไป

มาในโอลิมปิกเกมส์ 2020 นี้ โอกาสผ่านเข้ารอบของสาวไทยดูจะเปิดกว้างมากกว่าทุกปี เนื่องจากคู่แข่งอย่างทีมชาติญี่ปุ่นได้สิทธิเข้ารอบอัตโนมัติในฐานะเจ้าภาพ ทำให้ไทยเหลือคู่แข่งคนสำคัญเพียงแค่ทีมชาติจีนและทีมชาติเกาหลีใต้เท่านั้น แถมยังมีการเปลี่ยนการคัดเลือกใหม่ด้วยการเพิ่มรอบคัดเลือกระดับทวีปเอเชียขึ้นมา ทำให้ทีมชาติไทยได้โอกาสลงแข่งรอบคัดเลือกถึง 2 ครั้ง น่าเสียดายที่ในรอบคัดเลือกระดับโลก ไทยถูกจัดให้อยู่กลุ่มเดียวกับทีมชาติเซอร์เบีย มือวางอันดับ 1 ของโลก ซึ่งคว้าแชมป์กลุ่มและเข้ารอบไป จนต้องไปลุ้นให้คู่แข่งร่วมทวีปอย่างจีนและเกาหลีใต้คว้าแชมป์กลุ่มได้สำเร็จ เพื่อเป็นการตัดคู่แข่งสำคัญในการแข่งขันรอบคัดเลือกระดับทวีปเอเชีย ผลปรากฏว่าเบอร์ 2 ของโลกอย่างทีมชาติจีนคว้าแชมป์กลุ่มตามความคาดหมาย ในขณะที่ทีมชาติเกาหลีใต้พ่ายให้กับทีมชาติรัสเซียในนัดตัดสินแชมป์กลุ่ม จนต้องมาลุ้นตั๋วใบสุดท้ายกับทีมชาติไทยและสาวแดนโสมก็ทำได้สำเร็จในที่สุด

ความพ่ายแพ้ของนักวอลเลย์บอลหญิงทีมชาติไทยครั้งนี้ไม่ใช่ว่าพวกเธอเล่นไม่ดี แต่ต้องยอมรับว่าทีมชาติเกาหลีใต้มาด้วยฟอร์มการเล่นที่เหนือกว่ามาก ทั้งในเรื่องการเสิร์ฟ, การบล็อก และจังหวะเข้าทำคะแนน โดยเฉพาะการตบทำคะแนนของคิม ยอน คยอง กัปตันทีมที่มีความสูงถึง 192 เซนติเมตร ทำให้สามารถตบผ่านบล็อกสาวไทยได้ตลอดทั้งเกม

แม้จะพบกับความพ่ายแพ้ แต่ก็ถือเป็นประสบการณ์อันดีสำหรับนักวอลเล่ย์บอลสาวชุดนี้ที่มีดาวรุ่งอยู่ในทีมหลายคน ทั้งพิมพิชยา ก๊กรัมย์, ชัชชุอร โมกศรี และฑิชากร บุญเลิศ ที่พร้อมก้าวขึ้นมาเป็นกำลังหลักของทีมชาติในอนาคต โดยเฉพาะอย่างยิ่งพิมพิชยา ที่สามารถตบทำคะแนนในนัดนี้ได้เป็นกอบเป็นกำ โดยหากพวกเธอสามารถเก็บเกี่ยวประสบการณ์จากการลงเล่นในทัวร์นาเมนต์ต่าง ๆ และยังทำผลงานได้ดีอย่างต่อเนื่อง อีก 4 ปีข้างหน้าในโอลิมปิกเกมส์ 2024 ณ กรุงปารีส ก็อาจเป็นโอลิมปิกเกมส์ครั้งแรกของนักตบสาวไทยก็เป็นได้

post

เลิกปั่นงาน มาปั่นเพื่อสุขภาพกันดีกว่า !!

กระแสการดูแลสุขภาพที่กำลังมาแรงอยู่ในขณะนี้หนีไม่พ้นเรื่องของกิจกรรมการออกกำลังกาย และใส่ใจสุขภาพด้วยการกินอาหารที่ดีมีประโยชน์ เพราะปัจจุบันสังคมไทยได้มีเทคโนโลยีสมัยใหม่มากมายเข้ามามีบทบาทกับการดำเนินชีวิต รวมไปถึงการดึงความสนใจในเรื่องของเทรนด์สุขภาพที่บอกได้ว่าเป็นกระแสที่มาแรงมากที่สุดในตอนนี้ เพราะจากปัญหาสุขภาพที่กำลังเข้ามามีบทบาทและเกิดผลกระทบจำนวนมากต่อการดำรงชีวิตของคนในปัจจุบันทำให้มองเห็นว่าความน่ากลัวของโรคต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องมาจากสาเหตุหลักนั่นก็คือการใช้ชีวิตการเป็นอยู่และการกินอาหารนั่นเอง

หากจะให้ใช้เวลาทั้งหมดเพื่อการออกกำลังกายเป็นกิจลักษณะเลยนั้น ก็ค่อนข้างทำได้ยาก เพราะปัจจุบันคนไทยเองมักจะใช้เวลาไปกับการทำงาน เพื่อน ครอบครัว สังสรรค์ และกิจกรรมต่าง ๆ ที่ต้องรับผิดชอบ ทั้งนี้เพื่อการทำงานที่แลกกับปัจจัยหลาย ๆ อย่างและปัจจัยที่สำคัญอีกอย่างหนึ่งนั่นก็คือเงิน ทำให้ผู้คนมองว่าเวลาเสียส่วนใหญ่จะใช้ไปกับการทำงาน ทำงาน และก็ทำงานอย่างต่อเนื่องจนบางครั้งก็ลืมตัวเองไปว่า เรื่องชีวิตและสุขภาพก็เป็นสิ่งที่สำคัญที่สุดอย่างหนึ่งที่ต้องดูแลเช่นกัน กิจกรรมที่คนทั่วไปมักจะเอามาแทรกระหว่างช่วงวัน หรือการออกกำลังกายเพียงน้อยนิดในเวลาอันสั้น ๆ นั้นถือว่าเป็นสิ่งที่ดีและมีประโยชน์อยู่บ้าง เพราะสิ่งที่ไม่ได้เลิกปฏิบัติยังดีกว่าหลายคนแทบจะไม่มีเวลาในการออกกำลังกายเลยด้วยซ้ำ จนกลายเป็นความขี้เกียจในการออกกำลังกายและติดจนเป็นนิสัย ทำให้สุขภาพร่างกายที่ทำงานหนักหรืออยู่ในสภาวะที่ไม่ได้ผ่อนคลาย และไม่ได้รับการบริหารเป็นเวลานาน ๆ นั้น อาจก่อให้เกิดโรคต่าง ๆ ได้ง่ายขึ้น รวมไปถึงภูมิต้านทานที่ลดน้อยลงได้

กีฬาประเภทปั่นจักรยานถือเป็นกีฬาที่น่าสนใจเพราะนอกจากเราจะสามารถกำหนดเวลาได้อย่างชัดเจนได้ว่าเราจะใช้เวลาในการปั่น และระยะทางเท่าใด ซึ่งเราจะสามารถกำหนดได้เลยว่าวันนี้เราจะใช้เวลาไปกับการออกกำลังกายครั้งนี้เท่าไร ทำให้ง่ายต่อการวางแผนชีวิตและการทำงานมากยิ่งขึ้นด้วย แม้แต่ในตัวเมืองหรือแม้กระทั่งการปั่นจักรยานไปทำงาน ก็ยิ่งช่วยให้มีเวลาและได้รวมเอาเรื่องราวของการทำงานไปพร้อม ๆ กับการออกกำลังกายได้อย่างคุ้มค่าอีกด้วย นอกจากนี้ยังมีคนอีกจำนวนมากที่ใช้เวลาว่างจากวันหยุดของแต่ละครั้งในการค้นหาเส้นทางที่ต่าง ๆ ที่เหมาะแก่การปั่นจักรยาน  และถือว่าเป็นการได้เปิดมุมมองโลกทัศน์ใหม่ให้กับชีวิต และเสริมสร้างความสุขเกิดเป็นแรงบันดาลใจและพบปะเพื่อนร่วมทางอีกเป็นจำนวนมาก

ปัจจุบันจึงเกิดเป็นชมรม กลุ่มนักปั่น และกิจกรรมมากมายในสังคมไทยที่นิยมนำการปั่นจักรยานมาเป็นแนวทางในการกระตุ้นให้เกิดกระแสการดูแลสุขภาพ ยิ่งไปกว่านั้นก็มีจุดประสงค์ในการปั่นจักรยานเพื่อเป้าหมายอื่น ๆ อีกมากมาย ทั้งเพื่อการท่องเที่ยว เพื่อเชื่อมสัมพันธภาพ เพื่อความสนุกสนานผ่อนคลาย เพื่อร่วมกลุ่มพบปะผู้คนที่มีชอบเหมือนกันและแลกเปลี่ยนประสบการณ์ ทั้งยังมีกิจกรรมแข่งขันมากมายในไทยที่จัดขึ้นเพื่อการแข่งขันผู้ที่มีความมุ่งมั่นตั้งใจในการเล่นกีฬาประเภทนี้ ด้วยการใช้ประสบการณ์และทักษะของผู้ปั่นเองในการคว้าชัยชนะ รวมไปถึงการเดินทางเพื่อแข่งขันระดับประเทศที่สามารถตอบโจทย์ให้สำหรับนักปั่นที่ชอบการแข่งขันและท้าทาย จึงทำให้มีจำนวนไม่น้อยเลยในประเทศไทยที่นิยมปั่นจักรยานอย่างแพร่หลาย เพราะนอกจากจะทำให้ผู้ปั่นเองมีทั้งสุขภาพกายที่แข็งแรงแล้ว ยังส่งผลต่อสุขภาพจิตใจที่ดีช่วยให้มีความสุขในชีวิตได้อย่างยืนยาวนั่นเอง

post

สนุกเกอร์ ความนิยมกับมุมมองสังคมไทย ?

กีฬา “ สนุกเกอร์ ” เป็นกีฬาที่มีมานานในประเทศไทย เป็นกีฬาที่ค่อนข้างใช้อุปกรณ์ในการเล่นค่อนข้างมาก และหลากหลาย ลักษณะการเล่นสนุกเกอร์นั้น เป็นกีฬาในร่มมีพื้นที่ในการเล่นคือบนโต๊ะที่มีผ้าปูที่เรียกว่า ผ้าสักหลาด และตามมุมโต๊ะและรอบ ๆ โต๊ะนั้นจะมีช่องสำหรับให้ลูกบอลสี ๆ ที่วางบนโต๊ะหล่นลงไปไปตาข่ายข้าง ๆ โต๊ะ เพื่อเป็นการเก็บคะแนนของแต่ละคน โดยลูกบอลกลม ๆ เป็นสี ๆ นั้นจะมีคะแนนตามสีที่แตกต่างกันไป การเล่นผู้เล่นจะจะใช้ไม้ในการเล็งและตีลูกให้ตกลงในช่องเพื่อการเก็บคะแนน แล้วการแข่งขันนั้นก็จะใช้การนับคะแนนเพื่อเป็นเกณฑ์ตัดสินผู้แพ้-ชนะ

หากพูดถึงกีฬาประเภทนี้แล้วนั้นในความคิดหรือมุมมองของคนทั่วไปมักจะเข้าใจว่าเป็นกีฬาที่ไม่ค่อยมีความนิยมมากนัก เพราะเป็นกีฬาเงียบ ๆ ลับ ๆ ไม่ค่อยได้ถูกเปิดเผยกันนักเท่าไหร่ เนื่องจากเป็นเกมกีฬาที่มีแพ้ชนะคนส่วนใหญ่เลยให้ความตื่นเต้นและความสนุกสนานในเกมให้มีมากยิ่งขึ้นไปโดยการใช้รูปแบบการเล่นพนัน ซึ่งแน่นอนว่าจะให้มีความสนุกสนานและตื่นเต้นมากยิ่งขึ้น ทำให้วิวัฒนาการการเล่นของกีฬาประเภทนี้ถูกมองในแง่ของการพนันเสียส่วนใหญ่ แต่หากจะบอกว่าเป็นกีฬาที่ไม่ค่อยได้รับความนิยมเลยก็ไม่ใช่  เพราะยังมีกิจการที่เป็นโต๊ะสนุกเกอร์เปิดให้บริการทั้งถูกกฏหมายและผิดกฏหมายอยู่จำนวนมากในปัจจุบัน ทำให้เห็นว่ากีฬาประเภทนี้ยังมีผู้คนให้ความสนใจไม่น้อยเลยทีเดียว  แต่หากรูปแบบการเล่นที่แตกต่างกันของแต่ละที่ เช่น การใช้สื่อ อบายมุขในการดึงดูดผู้คนในเกิดความสนใจในกีฬาประเภทนี้ให้มากขึ้นนั้นย่อมมีผิดแผกและไม่ค่อยเข้าตาสังคมมากสักเท่าไหร่ ภาพพจน์ของกีฬานี้จึงเป็นมุมที่ไม่ค่อยดีนัก ทำให้วงการกีฬาสนุกเกอร์นี้กระจุกอยู่แค่กลุ่มผู้ที่สนใจและเพียงไม่กี่กลุ่มเท่านั้น ความสามารถในการพัฒนาหรือสร้างนักกีฬาที่มีคุณภาพของประเทศอาจลดน้อยลง

แต่ทว่าปัจจุบันยังคงเห็นพัฒนาการการเล่นกีฬาประเภทนี้อยู่ ที่ยังคงประสบผลสำเร็จอยู่ในประเทศไทยและการแข่งขันต่างประเทศ  จากการจัดตั้งสมาคมเพื่อการแข่งขันกีฬาซึ่งจะคัดนักกีฬาเพื่อไปแข่งขันระดับชาติหรือระดับโลก  รวมไปถึงการแข่งขันแต่ละรายการที่ยังมีอยู่ในปัจจุบัน เพราะยังคงแสดงถึงคุณค่าและประโยชน์ที่เกิดจากการเล่นกีฬาประเภทนี้ ทั้งทักษะ สมาธิในการเล่น ความตั้งใจฝึกในเรื่องของการวางแผน ความได้เปรียบในเกมการกีฬา สามารถสร้างทักษะของตนเองสู่การเล่นอย่างมืออาชีพ และการได้รับการฝึกฝนในเรื่องของสภาวะทางอารมณ์อีกด้วย  หากยังมีอีกประเด็นหนึ่งที่ผู้เล่นหรือสังคมไทยจำเป็นต้องมีส่วนในการปรับเปลี่ยนมุมมองความคิดให้กีฬาประเภทนี้นั้นสามารถเป็นกีฬาที่ดี มีภาพลักษณ์ที่แสดงออกถึงเกมการกีฬามากกว่าการเป็นอบายมุขได้นั้น จะทำให้วงการกีฬาสนุกเกอร์นี้สามารถสร้างนักกีฬามืออาชีพส่งผลต่อความคิด มุมมองของสังคมให้เกิดการยอมรับในกีฬาประเภทนี้และสามารถส่งเสริมประชาชน ผู้คนที่สนใจในกีฬานี้ช่วยผลักดันให้เกิดเป็นกีฬาที่นิยมมากยิ่งขึ้นด้วย